ปรึกษาเรื่องเอดส์และท้องไม่พร้อม โทร 1663

“เด็กท้องจะมาเรียนไม่ได้ ผมอาย”

By nuttynui 24 เม.ย 2563 13:59:40
ธิติพร ดนตรีพงษ์
 
          น้ำ อายุ 14 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.2 น้ำก็เหมือนวัยรุ่นทั่ว ๆ ไปที่เริ่มมีความรู้สึกชอบ รัก อยากอยู่ใกล้กับเพศตรงข้าม น้ำรู้จักกับ “อาร์ม” รุ่นพี่ อายุ 17 ปี ผ่านโปรแกรมแชทออนไลน์ อาร์มไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว ทั้งคู่คุยผ่านโปรแกรมแชทอยู่ระยะหนึ่งก่อนนัดไปเจอตัวกัน และวันนั้น ทั้งคู่ก็มีเพศสัมพันธ์กัน ตอนนั้น น้ำยังเด็กเกินกว่าที่จะประเมินได้ว่า การไปเจอกับอาร์มจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง

          หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผ่านไปเกือบสองเดือน น้ำสังเกตว่าประจำเดือนไม่มา เมื่อซื้อที่ตรวจการตั้งครรภ์มาตรวจก็พบว่าท้อง น้ำไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่เก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียว จนท้องใหญ่ขึ้น จึงตัดสินใจบอกเพื่อนสนิท น้ำบอกว่าเพื่อนก็ตกใจมาก ไม่รู้จะช่วยอย่างไร สิ่งที่เพื่อนทำได้คือ แชทไปบอกกับแม่ของน้ำว่า “น้ำท้อง”

          น้ำเล่าให้ฟังว่า แม่ก็เสียใจ แต่แม่ไม่ได้ทำโทษหรือดุด่า ตรงข้ามกลับพยายามหาทางช่วยน้ำเต็มที่ แม่พยายามติดต่อผู้ปกครองฝ่ายชายให้ร่วมกันรับผิดชอบ แต่ฝ่ายชายปฏิเสธและบอกว่าจะรอตรวจดีเอ็นเอ แม่จึงตัดสินใจแจ้งความเพราะกรณีการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่อายุต่ำกว่า 15 ปี ถือว่ามีความผิดทางอาญา

          นอกจากเรื่องคดีความ น้ำและแม่ยังต้องสู้กับ “โรงเรียน” เมื่อเรื่องรู้ถึงผู้บริหารโรงเรียน ผู้อำนวยการบอกว่า “เด็กท้องจะมาเรียนไม่ได้” ประโยคนั้นทำให้แม่ตัดสินใจหาที่ยุติการตั้งครรภ์ให้น้ำ ด้วยหวังว่าหากน้ำไม่ท้อง ก็จะได้เรียนต่อตามปกติ ตอนนั้นอายุครรภ์ของน้ำอยู่ที่ 20 สัปดาห์ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ยังยุติการตั้งครรภ์ได้และมีแหล่งบริการรองรับ แต่เมื่อเห็นผลอัลตราซาวด์ แม่และน้ำตัดสินใจว่าจะไม่ยุติการตั้งครรภ์ และพยายามขอให้โรงเรียนเห็นใจให้น้ำได้เรียนต่อตามปกติ แต่ผู้บริหารโรงเรียนยืนยันว่า จะต้องย้ายไปเรียนที่อื่น หรือไปเรียน กศน. เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างที่ ‘ไม่ดี’ กับนักเรียนคนอื่น

          ครอบครัวของน้ำเป็นครอบครัวหาเช้ากินค่ำ พ่อขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แม่ทำงานโรงงาน แต่ทั้งพ่อและแม่ก็สู้เพื่อน้ำ แม่..ซึ่งไม่เคยอ่านกฎหมายก็ต้องทำความเข้าใจกับ “พ.ร.บ.การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559” ที่ระบุว่าเด็กท้องมีสิทธิตัดสินใจด้วยตัวเองและโรงเรียนจะต้องเอื้ออำนวยให้เด็กสามารถเรียนต่อได้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่า โรงเรียนจะยอมจำนนด้วยกฎหมายให้น้ำได้เรียนต่อ แต่เมื่อไม่มีการจัดระบบที่ดีให้เด็กท้องได้เรียน รวมถึงทัศนคติเชิงลบที่บุคคลในโรงเรียนมีต่อน้ำ ก็ทำให้เด็กอายุ 14 ปีไม่สามารถอดทนต่อแรงกดดันที่ถาโถมเข้ามาได้

          น้ำบอกว่า ทุกครั้งที่ไปโรงเรียนจะถูกผู้บริหารเรียกมาตำหนิทุกวันว่า “ไม่อายเหรอที่อุ้มท้องมาโรงเรียน เธอไม่อาย แต่ฉันอาย”

          ทุกวันนี้ น้ำไม่ได้ไปโรงเรียนแล้ว เธอบอกแม่ว่าขอมาเรียน กศน. เพื่อที่จะได้มีเวลาเลี้ยงลูก ชีวิตของน้ำเปลี่ยนไปตลอดกาล  จากเด็กสดใส เป็นนักกีฬาของโรงเรียน กลายเป็นแม่อายุ 14 ปี ต้องเลี้ยงลูก ไม่ได้เรียนหนังสือในระบบโรงเรียนอย่างที่ตั้งใจ ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตของน้ำจะไปในทิศทางใด อาจจะดีหรือแย่กว่าที่เป็นอยู่ แต่ที่แน่ ๆ ปัจจุบัน น้ำไม่ได้สิทธิอย่างที่ควรจะได้ แม้ว่าจะมีกฎหมายรองรับแล้วก็ตาม






*** ความคิดเห็นของผู้เขียนอาจไม่จำเป็นต้องสอดคล้อง หรือเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับกองบรรณาธิการ ***
-->