เมื่อวันที่ ๙ มกราคม เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ จัดกิจกรรม “เลือกตั้งครั้งนี้...รัฐสวัสดิการต้องมา” และแถลงข้อเสนอของประชาชนที่มีต่อรัฐสวัสดิการ ที่โรงแรมเอบีน่าเฮ้าส์ กรุงเทพฯ
นางสาวสุรีรัตน์ ตรีมรรคา ตัวแทนจากเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ กล่าวว่า รัฐไทยไม่มีความชัดเจนในการแก้ปัญหาลดความเหลื่อมล้ำ แต่กลับทำให้ปัญหานี้รุนแรงมากขึ้น เช่น การออกนโยบายที่ทำให้คนในท้องถิ่นเข้าไม่ถึงทรัพยากรจากการจัดสรรที่ดินทำกิน ที่ไม่ให้คนในชุมชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากร การมุ่งพัฒนาความเจริญในเมืองมากกว่าชนบท หรือแม้กระทั่งการจ่ายเงินช่วยเหลือค่าดำรงชีพคนละ ๒๐๐ – ๓๐๐ บาท ก็ไม่ช่วยลดความยากจนหรือความเหลื่อมล้ำ ทั้งที่รัฐจำเป็นต้องกระจายความมั่งคั่งกลับคืนให้กับประชาชนทุกคน ไม่ใช่ทำให้กระจุกตัว
ตัวแทนจากเครือข่ายประชาชนฯ กล่าวต่อไปว่า ในการเลือกตั้งที่ใกล้จะถึงนี้ เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการขอเรียกร้องให้รัฐไทย พรรคการเมืองลดความเหลื่อมล้ำ และแก้ปัญหาความยากจนในสังคม ด้วยการยกเลิกเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เปลี่ยนมาจัดสรรงบประมาณบำนาญพื้นฐานถ้วนหน้าสำหรับผู้สูงวัยทุกคน โดยไม่ต่ำกว่าอัตราเส้นความยากจนที่ ๓,๐๐๐ บาทต่อเดือน เพื่อให้เป็นหลักประกันทางรายได้เมื่อสูงวัย ด้วยการผลักให้เกิดกฎหมายระบบบำนาญแห่งชาติ
“เราเชื่อว่าการเริ่มต้นผลักดันให้เกิดหลักประกันเหล่านี้ในภาวะสังคมสูงวัยจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมให้เกิดขึ้นได้ รวมทั้งรัฐต้องปฏิรูประบบโครงสร้างภาษี จัดสรรทรัพยากร และงบประมาณอย่างเป็นธรรม ให้ประชาชนได้รับการดูแลอย่างเสมอหน้ากัน มีสวัสดิการถ้วนหน้าตั้งแต่เกิดจนสูงวัย” นางสาวสุรีรัตน์กล่าว
ด้านนายนิมิตร์ เทียนอุดม ตัวแทนจากกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ หนึ่งในเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ ให้ความเห็นว่า รัฐต้องเปลี่ยนนโยบายจากการสงเคราะห์คนด้วยการจ่ายเงินเป็นเบี้ยหัวแตกแบบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ให้เป็นสวัสดิการที่ครอบคลุมทุกคน เช่น การยกระดับรายได้ของประชาชน ให้มีหลักประกันทางรายได้ให้กับคนทำงานทุกคน เพื่อเขาจะได้มีกำลังออมเพื่อบำนาญของตัวเองเพิ่มจากบำนาญพื้นฐานที่มีอยู่แล้ว