ปรึกษาเรื่องเอดส์และท้องไม่พร้อม โทร 1663

“ถ้าหนูบอกแม่ว่าท้องไม่พร้อม แม่จะช่วยหนูไหม”

By nuttynui 12 ก.พ 2562 14:11:32
          “หนูต้องการทำแท้ง เพราะหนูจะทำให้พ่อแม่ผิดหวังในตัวหนูไม่ได้ค่ะพี่ หนูยังเรียนไม่จบเลย”
         
          นี่เป็นประโยคแรกๆ ที่เราเริ่มต้นพูดคุยและรู้จักกันในบทบาทเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาของสายด่วนปรึกษาเอดส์และท้องไม่พร้อม 1663 และผู้รับบริการที่โทรเข้ามาปรึกษา เธอคือ “น้องต้นไม้” รหัสแทนชื่อของเธอ เพื่อให้เราได้พูดคุยกันอย่างนิรนาม
 
          น้องต้นไม้ อายุ 16 ปี มีแฟนอายุ 20 ปี คบกันจากโลกออนไลน์ได้ประมาณ 1 ปี ซึ่งพ่อแม่ของเธอก็รู้ว่าเธอมีแฟน และด้วยความใกล้ชิดกันในครอบครัว เธอมักจะเล่าให้แม่ของเธอฟังทุกเรื่อง และแม่ก็เคยเตือนเธอว่า มีแฟนได้ แต่อย่ามีเพศสัมพันธ์กัน เพราะยังไม่ถึงวัยที่ควรจะมี และถ้าท้อง จะไล่เธอออกจากบ้าน ซึ่งเธอก็รับปากกับแม่ว่า จะไม่มีเพศสัมพันธ์กัน และจะดูแลตัวเองอย่างดี 

          น้องต้นไม้ เป็นนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ช่วยเหลือกิจกรรมทางโรงเรียนมาโดยตลอด เพื่อนๆ ที่โรงเรียนก็รู้จักแฟนของเธอ และออกปากชื่นชมให้เธอได้ยินบ่อยๆ ว่า เธอโชคดีที่มีแฟนหน้าตาดี นิสัยดี ดูแลเธอเป็นอย่างดี หลังเธอเลิกเรียน แฟนก็มักจะขับรถมารับเธอที่โรงเรียน ไปดูหนัง หาข้าวกิน เหมือนที่คู่รักหลายๆ คนทำ

          น้องต้นไม้มีเพศสัมพันธ์กับแฟนแบบหลั่งนอกตลอด เธอเข้าใจผิดว่าการหลั่งนอกไม่สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ แต่ประจำเดือนของเธอไม่มา จึงตัดสินใจตรวจและผลออกมาว่าเธอกำลังท้อง คนแรกที่เธอคิดถึงคือแม่ แต่แม่เคยบอกว่าจะไล่ออกจากบ้าน แม่จึงเป็นคนเดียวที่เธอคิดว่าจะไม่บอกเรื่องนี้ให้รู้ 

          น้องต้นไม้โทรหาแฟน เขาไม่พร้อมกับการตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นนี้เช่นกัน และให้เธอตัดสินใจเองว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับท้องนี้ เธอเสียใจมาก จึงสั่งยาทำแท้งจากอินเทอร์เน็ตไป 3 เว็บไซต์ โดยเอามือถือและของมีค่าไปขาย เธอเสียเงินกว่า 6,000 บาท และได้ยาทำแท้งจากเว็บไซต์ที่ 3 ที่สั่งซื้อ แต่เมื่อใช้ยาก็ไม่มีอาการอะไรเกิดขึ้น เธอจึงตัดสินใจทำร้ายตัวเอง ทุบท้อง เพื่อให้ตัวอ่อนหลุดออกมา มีแต่ความบอบช้ำที่จิตใจและร่างกาย แต่ก็ไม่มีผลต่อครรภ์ที่เกิดขึ้นเลย น้องต้นไม้โทษตัวเองซ้ำๆ ว่าต้องเผชิญปัญหานี้คนเดียว ส่วนแฟนก็มีท่าทีห่างออกไป เริ่มขาดการติดต่อ จะบอกเพื่อนก็อาย กลัวจะถูกซ้ำเติม กลัวเพื่อนพูดต่อๆ กันแล้วจะรู้ถึงครู กลัวโดนไล่ออก น้องต้นไม้จึงขาดเรียนตั้งแต่ตอนนั้น 

          เธอเริ่มนึกถึงแม่ จึงเขียนจดหมายบอกลาแม่ว่า เธอไม่ได้ตั้งใจทำให้แม่ผิดหวัง แต่เรื่องราวต่างๆ มันเกิดขึ้นแล้ว เธออยากเรียนต่อ และเป็นเด็กที่ดีในสายตาของแม่ อยากให้แม่ช่วยเธอ อยากให้แม่เป็นที่ปรึกษา เธออยากจะฆ่าตัวตาย และคืนนั้น เธอได้ลองค้นอินเทอร์เน็ตและอ่านเรื่องราวของผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อม ทำให้เธอเห็นโพสต์เบอร์ให้คำปรึกษาสายด่วน 1663 

          ตอนที่น้องต้นไม้คุยกับผม คือ อายุครรภ์ 17 สัปดาห์จากผลอัลตร้าซาวด์ เธอพยายามจัดการทุกอย่างด้วยตนเองตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 8 สัปดาห์ เมื่อเปิดโอกาสให้เธอได้ระบายเรื่องราวต่างๆ ผมได้ชวนคุยเงื่อนไขอายุของผู้รับบริการ อายุครรภ์ และแผนการรับมือกับอายุครรภ์ในตอนนี้ เธอยอมรับกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น 

          แต่สิ่งที่เธอกลัวมากกว่าการตั้งครรภ์ในตอนนี้ก็คือ แม่จะตอกย้ำและไล่เธอออกจากบ้าน

          กว่า 2 สัปดาห์ที่ผมไม่ได้คุยกับเธอ เธอเล่าว่า แม่ให้ตามแฟนมา และแต่งงานกัน ซึ่งในมุมมองของเธอ รู้สึกว่า ไม่ได้ต้องการความสัมพันธ์แบบนี้แล้ว เพราะจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น เธอเผชิญปัญหาเพียงคนเดียว และแฟนของเธอก็ได้คบกับผู้หญิงคนใหม่แล้ว ตอนนี้เธอจึงหนีออกจากบ้านมาอยู่บ้านเพื่อนสักพัก เธอบอกกับผมว่า เธอทรมาน อยากจะยุติการตั้งครรภ์ทุกวัน แต่คนที่เธออยากให้ช่วย ไม่มีใครฟังเสียงของเธอเลย

          วันหนึ่ง ผมโทรไปหาน้องต้นไม้อีกครั้ง แต่ปลายสายเป็นผู้หญิงที่ผมรู้ว่าไม่ใช่น้องต้นไม้แน่ๆ ปลายสายบอกว่าเป็นคุณแม่ของน้องต้นไม้ เมื่อผมมั่นใจแล้วว่า น้องต้นไม้ได้เล่าให้แม่ของเธอฟังแล้วว่า ปรึกษากับทาง 1663 ผมจึงได้คุยกับคุณแม่

          คุณแม่บอกว่า เธอเสียใจและผิดหวังในตัวลูกสาว เพราะอยากให้ลูกสาวเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน อยากให้เรียนจบมีงานทำ ทุกวันนี้ เธอทำงานหนัก เพื่อให้ลูกสาวมีความมั่นคงในชีวิต และคิดว่าลูกสาวเป็นวัยรุ่น ไม่เหมาะที่จะมีเพศสัมพันธ์ในตอนนี้ จากนั้นคุณแม่เริ่มโทษตัวเองว่า คงสอนและย้ำลูกสาวได้ไม่ดี พร้อมทั้งบอกว่า ไม่ต้องการให้ลูกสาวทำแท้งเลย แต่ด้วยภาระค่าใช้จ่าย และความต้องการของน้องต้นไม้ที่จะเรียนต่อ จึงตัดสินใจที่จะยุติการตั้งครรภ์ โดยประสานงานกับทีมคุณหมอในเครือข่าย RSA เพื่อช่วยเหลือให้น้องต้นไม้ได้รับการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย

          หลังยุติการตั้งครรภ์สำเร็จ คุณแม่และน้องต้นไม้มีสภาวะจิตใจดีขึ้นเรื่อยๆ สังเกตจากน้ำเสียงที่ได้คุยกัน ผมชวนน้องต้นไม้คุยเรื่องการวางแผนคุมกำเนิดในอนาคตว่า การคุมกำเนิดด้วยการหลั่งนอกมีโอกาสท้อง เธอบอกว่า สนใจเรื่องการใช้ถุงยางอนามัยและสื่อสารกับคู่เพื่อป้องกันท้องและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ขณะที่คุณแม่เห็นว่า การบอกให้เยาวชนคุมกำเนิด เหมือนเป็นการสนับสนุนให้เยาวชนในวัยเรียนมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ ผมรับฟังความคิดเห็นของคุณแม่ และบอกว่า วัยรุ่นเป็นวัยเจริญพันธุ์ ที่ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลง มีอารมณ์และความต้องการทางเพศ ซึ่งแต่ละคนก็มีวิธีจัดการกับอารมณ์ของตนเองที่แตกต่างกันไป 

          ลองนึกถึงตัวเราซิครับ ตอนเราเป็นวัยรุ่น เรามีความต้องการทางเพศไหม เราผ่านช่วงเวลานั้นมาได้อย่างไร หากเราผ่านมาได้โดยไม่มีเพศสัมพันธ์ แล้วคนอื่นๆ ล่ะ เขามีวิธีจัดการได้เหมือนเราไหม เพราะวิถีชีวิตของแต่ละคนต่างกัน ฝ่ายผู้หญิงอาจจะไม่ต้องการมีเพศสัมพันธ์ ขณะที่คู่ต้องการ หรือหลายคนก็ไม่ได้วางแผนที่จะมีเพศสัมพันธ์ แต่เขาจะทราบว่า ถ้าถึงเวลาที่เข้าใกล้กับความเสี่ยง เขาจะป้องกันตนเองได้อย่างไร หากยังไม่พร้อม

          เรื่องราวของน้องต้นไม้ที่ผมเล่านี้ เป็นเพียงต้นไม้ 1 ต้น จากกว่า 5,000 ต้น ที่โทรเข้ามาปรึกษาในเดือนนั้น มีต้นไม้หลายต้นที่ได้รับการยุติการตั้งครรภ์ มีหลายต้นเลือกที่จะท้องต่อ และมีอีกหลายต้นไม้ ที่ยังต้องการคนรับฟัง 

          หากคุณ...เผชิญสถานการณ์แบบเดียวกับน้องต้นไม้ คนแรกที่คุณนึกถึง คุณอยากให้คนๆ นั้นเป็นใคร? หรือหากมีใครสักคนที่ไว้ใจคุณ อยากจะขอให้คุณช่วยเหลือ รับฟัง ไม่ซ้ำเติม คุณเป็นคนๆ นั้นได้ไหม?

          ผมอยากให้ลองคิดกันดูเล่นๆ นะครับ

เบียร์


 
*** ความคิดเห็นของผู้เขียนอาจไม่จำเป็นต้องสอดคล้อง หรือเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับกองบรรณาธิการ ***
-->