ธิติพร ดนตรีพงษ์
ตั้งแต่ทำงานเรื่องท้องไม่พร้อม เราเจอเด็กที่ถูกให้ออกจากโรงเรียนเพราะตั้งครรภ์อยู่เรื่อยๆ บางรายเมื่อได้รับคำปรึกษาแล้วก็สามารถจัดการปัญหาได้ด้วยตัวเอง แต่บางรายปัญหาก็หนักหน่วงเกินกว่าที่การให้คำปรึกษาอย่างเดียวจะช่วยคลี่คลายได้
รายที่สภาพปัญหาซับซ้อน เราได้พูดคุยแบบ face to face กับเด็กที่ประสบปัญหาและครอบครัวของเขา 2 รายล่าสุดที่เจอ เด็กยังเรียนอยู่ชั้น ม.ต้น ซึ่งถือว่ายังอยู่ในการศึกษาภาคบังคับ แต่พวกเขาก็ถูก “บังคับ” ให้ออก โดยรายหนึ่งโรงเรียนให้แม่ของเด็กระบุในเอกสารลาออกว่า “ย้ายตามผู้ปกครอง”
“เราก็ยังอยู่ที่เดิม ไม่ได้ย้ายบ้านไปไหน แต่เด็กไม่ไหวแล้ว แต่งตัวไปโรงเรียนทุกวัน แต่ถูกครูไล่ให้กลับบ้าน เลยตัดสินใจว่า งั้นย้ายโรงเรียนดีกว่า ยิ่งปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน ลูกเราคงไม่อยากจะเรียนแล้ว ส่วนโรงเรียนใหม่ที่ย้ายไป ไกลบ้านกว่าเดิม ต้องนั่งรถ 2 ต่อ”
รายล่าสุด เด็กหญิงชั้น ม.2 ตั้งครรภ์ 5 เดือน โรงเรียนขอให้สอบเสร็จชั้น ม.2 แล้วย้ายไปเรียน กศน. แต่เด็กและครอบครัวคุยกันแล้วว่า มีความสุขกับการเรียนที่เดิม ขอแค่เรียนจบชั้น ม.3 ก็มีแผนว่าจะไปเรียนต่อชั้น ม.ปลายที่อื่น พ่อแม่ของเด็กเวียนเข้าออกโรงเรียนเพื่อพบกับครูประจำสายชั้น และผู้อำนวยการอยู่หลายครั้ง
ขอความกรุณาด้วยความรู้สึกว่าลูกตัวเองทำผิดกฎโรงเรียนเอง ขอความเห็นใจจากผู้อำนวยการและคณะครู
แต่ผู้อำนวยการโรงเรียนบอกว่า จะนำเรื่องเข้าที่ประชุม เพื่อให้คณะครูได้โหวตว่า เด็กคนนี้ควรได้เรียนต่อหรือต้องออกไปเรียน กศน.
คำถามคือ เรื่องแบบนี้ควรให้โหวตหรือควรรีบช่วยเด็กกันแน่?
แม้ว่า.... เด็กคนนี้ จะเคยสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนมาโดยตลอด แข่งขันกิจกรรมก็ได้รางวัลเสมอ การเรียนอยู่ในระดับดี มีอนาคต
ไม่ต้องคิดเลยว่า เด็กคนอื่นๆ ที่โปรไฟล์อาจจะไม่ดีเท่าเด็กคนนี้ ไม่มีพ่อแม่คอยช่วยเหลือ ประคับประคอง จะเผชิญกับความ “โดดเดี่ยว” แค่ไหน เมื่อท้องในวัยเรียน
*** ความคิดเห็นของผู้เขียนอาจไม่จำเป็นต้องสอดคล้อง หรือเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับกองบรรณาธิการ ***
