ธิติพร ดนตรีพงษ์
สา (นามสมมติ) เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีและเข้ารับการรักษาด้วยการกินยาต้านไวรัสมาได้ปีกว่า สามีของเธอ ผู้เคยทำมาหากินเลี้ยงดูเธอมาทั้งชีวิตได้เสียชีวิตลง ปัจจุบัน เธอต้องดิ้นรนเพียงลำพัง หาเลี้ยงชีวิตด้วยการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ แต่ใจจริงแล้ว สาอยากจะเปิดกิจการตู้ซักผ้าหยอดเหรียญเพื่อความมั่นคงในชีวิต แต่ต้องใช้เงินลงทุนมาก ขณะเดียวกัน มีผู้ชายคนหนึ่งมาจีบเธอ เธอชวนเขาลงทุนในกิจการตู้ซักผ้าหยอดเหรียญด้วยกัน แต่ชายคนนี้บอกว่าลงทุนด้วยกันได้ แต่ขอลงหุ้นส่วนชีวิตด้วย สาลังเล เพราะใจหนึ่งก็อยากได้เงิน ได้เพื่อนมาช่วยทำมาหากิน แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้รักเธอจริงหรือเปล่า
แก้ว (นามสมมติ) หญิงสาววัย 19 ปี คบหากับแฟนชาวต่างชาติและมีแผนว่าจะไปอยู่ที่บ้านเกิดของแฟน ต่อมาแก้วตั้งครรภ์ และเมื่อไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ผลตรวจระบุว่าแก้วติดเชื้อเอชไอวี แก้วสับสนไปหมด ใจหนึ่งอยากยุติการตั้งครรภ์ ใจหนึ่งก็อยากเก็บเด็กไว้ เพราะมีแผนจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์กับแฟนคนนี้ เนื่องจากตลอดเวลาที่คบหากันมา 3 เดือน แฟนดูแลเธอและครอบครัวดีมาก ให้เงินใช้เดือนละแสนกว่าบาท แต่หากบอกแฟนว่าเธอติดเชื้อเอชไอวี เขาจะว่าอย่างไร เขาอาจจะคิดว่าเธอเป็นคนที่นำเชื้อฯ มาติดเขา และหากเลิกรากัน ชีวิตก็อาจจะไม่สุขสบายเหมือนอย่างที่เป็นอยู่
ทั้งสาและแก้วมีความเหมือนกันตรงที่ “ความสัมพันธ์” ของทั้งคู่ ไม่ได้เริ่มต้นจากความรักเหมือนอุดมคติของคนในสังคม ที่มองว่า หากจะตกลงใจเป็นคู่กับใครสักคนแล้ว “ความรัก” จะต้องมาก่อน ซึ่งทั้งคู่อาจจะต้องเจอกับคำถามที่ว่า “คุ้มหรือที่เอาตัวเข้าแลกกับเงินและความสบายในชีวิต”
ในขณะเดียวกัน เมื่อทั้งคู่มีสถานะติดเชื้อเอชไอวีด้วย ความสัมพันธ์ดังกล่าวยิ่งถูกตั้งคำถามว่าเหมาะสมหรือไม่? กำลังเอาเปรียบอีกคนหนึ่งอยู่ไหม?
แล้วคุณล่ะ มีคำตอบนี้ในใจไหม? คุณเป็นอีกคนที่คิดว่าสากับแก้วกำลังทำผิดอยู่หรือเปล่า?
*** ความคิดเห็นของผู้เขียนอาจไม่จำเป็นต้องสอดคล้อง หรือเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับกองบรรณาธิการ ***