ปรึกษาเรื่องเอดส์และท้องไม่พร้อม โทร 1663

ท้องแล้วถูกไล่ออกจากงาน สิทธิที่ลูกจ้างควรได้รับ?

By nuttynui 30 เม.ย 2563 11:55:43
ดาวปราณี

“ถ้าทำไม่ได้มึงก็ลาออกไป”  

ประโยคของนายจ้างพูดกับ ‘มุก’ ขณะที่เธอกำลังทำงานอยู่ในร้านขนมแห่งหนึ่ง

มุก สาววัย 20 ปี เป็นลูกจ้างร้านขนมมาเกือบปีแล้ว หน้าที่ของเธอคือดูแลสต็อกขนมและเครื่องดื่ม เธอต้องตรวจสอบสินค้าและยกสินค้ามาเติมทุกครั้งเมื่อสินค้าเริ่มขาด

ในวัย 20 ปีนั้น หลายคนอาจกำลังเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยสักแห่ง แต่เรื่องราวแบบนี้ไม่ได้เกิดกับมุก เนื่องจากเธอมีครอบครัวและลูกที่ต้องดูแล มุกมีลูกอยู่แล้ว 1 คน และท้องนี้เป็นท้องที่ 2 เมื่อเธอทราบว่าตั้งครรภ์ เธอดีใจมากและเลือกที่จะตั้งครรภ์ต่อ เธอบอกกับเจ้าของร้านขนมเรื่องการตั้งครรภ์ของเธอ ซึ่งเจ้าของร้านก็รับรู้มาตลอด

กระทั่งมุกตั้งครรภ์ได้ประมาณ 7 เดือน เธอเริ่มทำงานได้ไม่เต็มที่ เพราะงานที่เธอทำต้องยกของหนักอยู่เสมอ เมื่อท้องโตขึ้น จึงทำให้เธอทำงานไม่ค่อยสะดวก สาเหตุนี้ทำให้เธอถูกเจ้าของร้านว่าด้วยถ้อยคำรุนแรงบ่อยครั้ง ครั้งสุดท้ายที่เจ้าของร้านพูดกับเธอ คือ “ถ้าทำไม่ได้มึงก็ลาออกไป” เธอรู้ว่าอาจจะถูกไล่ออก แต่ก็ยังตัดสินใจทำงานต่อไป เพราะมีค่าใช้จ่ายอีกมากในการคลอดที่ใกล้จะถึง

หลังจากเจ้าของร้านพูดกับเธอ สองวันต่อมา ผู้จัดการร้านก็เดินมาบอกกับเธอว่า ไม่ต้องมาทำงานแล้ว เธอรู้ในทันทีว่าตอนนี้เธอถูกไล่ออกจริงๆ แต่สิ่งที่เธอเป็นกังวลมากคือเรื่องค่าใช้จ่ายระหว่างรอคลอดและค่าคลอดของเธอ ที่ไม่รู้จะหามาจากไหน เพราะสามีของเธอก็ไม่ได้ทำงาน และโอกาสที่จะทำให้เธอเริ่มงานใหม่ในช่วงนี้ก็ดูจะเป็นไปไม่ได้ มุกรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ถูกให้ออกจากงานขณะที่เธอกำลังท้อง และไม่แน่ใจว่าค่าจ้างที่ค้างอยู่เธอจะได้รับมันหรือไม่

เมื่อไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เธอจึงหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตและโทรเข้ามาสายด่วนปรึกษาเอดส์และท้องไม่พร้อม 1663 เพื่อขอคำปรึกษาว่าทำอะไรได้บ้าง ซึ่งตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559 การคุ้มครองหญิงตั้งครรภ์ตาม พ.ร.บ. ดังกล่าวคุ้มครองวัยรุ่นตั้งแต่อายุ 10 ปีแต่ยังไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์ และไม่ได้คุ้มครองเฉพาะวัยรุ่นที่อยู่ในสถานศึกษาเท่านั้น แต่ยังคุ้มครองไปถึงสถานประกอบการที่มีแรงงานวัยรุ่นทำงานอยู่เช่นเดียวกับกรณีของมุก โดยสิ่งที่เธอควรจะได้รับตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือ การจัดสวัสดิการสังคมอย่างเหมาะสม และไม่ถูกเลือกปฏิบัติ แต่ปรากฏว่าสถานประกอบการไม่ได้จัดสวัสดิการที่เหมาะสมในการตั้งครรภ์ให้กับเธอ

แม้มุกจะได้รับคำปรึกษาแล้ว แต่เธอก็ยังคงกังวลว่า นายจ้างของเธอมีฐานะดี และค่อนข้างมีอิทธิพล เธอกลัวว่าเขาอาจจะไม่ยอมจ่ายค่าชดเชยให้กับเธอ และถ้าจะให้กลับไปทำงานที่เดิมอีกเธอก็ไม่อยากกลับไปแล้ว เธอขอแค่ให้ได้รับค่าช่วยเหลือบ้างก็ยังดี

สายด่วนฯ 1663 ได้ส่งเรื่องเธอให้กับศูนย์รับเรื่องร้องเรียนภาคประชาสังคม จ.กาญจนบุรี ที่เธอทำงานอยู่เพื่อประสานงานและช่วยเหลือ ซึ่งจะทำให้เธอได้รับสิทธิตามกฎหมายแรงงาน คือ ได้รับค่าชดเชยที่นายจ้างให้ออกจากงานเป็นค่าจ้าง 1 เดือน และค่าชดเชยจากประกันสังคมกรณีถูกเลิกจ้างอีก 50% ของเงินเดือน โดยไม่เกินฐานเงินเดือนที่ 15,000 บาท

นับจากวันนั้น สายด่วนฯ 1663 ก็ไม่ได้รับการติดต่อจากเธออีก เราไม่รู้เลยว่าชีวิตของมุกหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร เธออาจจะกำลังเลี้ยงลูก หรือทำงานที่ไหนสักแห่ง แต่หากย้อนมองกลับไปถึงสาเหตุของเรื่องนี้อาจไม่เกิดขึ้น หากนายจ้างเคารพสิทธิตามกฎหมายของเธอและจัดสวัสดิการให้เธอ ผู้เป็นคนท้องอย่างเหมาะสม...เท่าที่ควรจะเป็น







*** ความคิดเห็นของผู้เขียนอาจไม่จำเป็นต้องสอดคล้อง หรือเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับกองบรรณาธิการ ***
-->